ตั้งแต่ครั้งแรกที่ผมได้เรียนในวิชา เทคโนโลยีการศึกษานี้ ก็ได้รู้ความรู้ต่างๆและเข้าใจมากขึ้นถึงสิ่งที่เกี่ยวข้องมากมายไม่ว่าจะเป็น ความหมาย ที่มา ความสำคัญ และอื่นๆอีกมากมาย สิ่งหนึ่งที่สร้างความแปลกใจและทำให้จดจำได้ไม่มีลืมก็คือ เมื่อพูดถึง เทคโนโลยีการศึกษา เราก็จะนึกถึงขึ้นมาว่า มันต้องเกี่ยวข้องเฉพาะคอมพิวเตอร์และสื่ออิเล็กทรอนิกส์แน่ๆ แต่เมื่อได้มาเรียนรู้กลับทำให้ต้องเปลี่ยนความคิดเสียใหม่ เทคโนโลยีการศึกษา ไม่ใช่มีเพียงแต่อุปกรณ์ข้างต้นที่กล่าวมาเท่านั้น อุปกรณ์ทางการศึกษาที่มีประโยชน์ในด้านการเรียนการสอน ล้วนแล้วแต่เป็นเทคโนโลยีการศึกษา ไม่ว่าอุปกรณ์นั้นจะถือกำเนิดมาในสมัยไหน ครั้งใด หากมีการดัดแปลง และวิวัฒนาการมาจนถึงปัจจุบันนี้ ล้วนแล้วแต่เป็นเทคโนโลยีการศึกษาแทบทั้งสิ้น เช่น กระดานดำ กระดานฉนวน ชอร์ก ปากกา ไม้บรรทัด ลำโพง โน๊ตบุ๊ค แอร์การ์ด เป็นต้น
ความรู้แรกๆที่ได้จำคือ DDUME เป็นเทคนิคการจำของขอบข่ายงานเทคโนโลยีการศึกษา
D ตัวแรกคือ Design คือ การออกแบบ
D ตัวที่สอง คือ Development คือ การพัฒนา
U คือ Utilization คือ การใช้
M คือ Management คือ การจัดการ
E คือ Evaluation คือ การประเมิน
พัฒนาการของเทคโนโลยีการศึกษา
แนวคิดแรก เป็นแนวคิดทางวิทยาศาสตร์กายภาพ หรือ “Physical Science Concept” ซึ่งอยู่ในรูป “วัสดุและอุปกรณ์”
แนวคิดที่สอง เป็นแนวคิดทางพฤติกรรมศาสตร์ หรือ “Behaviorial Science Concept” แนวคิดนี้จะเป็นลักษณะการรวม “วัสดุ อุปกรณ์ และวิธีการ”
แนวคิดที่สาม เริ่มพัฒนาและให้ความสนใจในเรื่องการเรียนการสอนรายบุคคลเป็นลักษณะบทเรียนต่างๆ เช่น CAI , WBI , E-learning ฯลฯ
ระบบคือ ภาพรวมของหน่วยสมบูรณ์ที่ประกอบด้วยหน่วยย่อยที่เป็นอิสระแต่มีความสัมพันธ์และมีปฏิสัมพันธ์ซึ่งกันและกันโดยมีจุดมุ่งหมายที่ชัดเจน
ระบบจะต้องมี
1. องค์ประกอบย่อย
2. องค์ประกอบย่อยนั้นต้องมีความสัมพันธ์กัน มีการโต้ตอบ มีปฏิสัมพันธ์ซึ่งกันและกัน
3. ระบบต้องมีเป้าหมายในการดำเนินกิจกรรมนั้น ๆ
4. กลไกการควบคุมเพื่อให้ทำงานตามจุดมุ่งหมาย
Input : ปัจจัยนำเข้า
เป็นการป้อนวัตถุดิบหรือข้อมูลต่างๆ การตั้งปัญหา การตั้งวัตถุประสงค์ เพื่อดำเนินงานในระบบนั้น
Process : กระบวนการ
เป็นการรวบรวมและวิเคราะห์ข้อมูลที่ป้อนเข้ามา เพื่อดำเนินการตามวัตถุประสงค์ที่ตั้งไว้ (เป็นขั้นทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลง)
Control : ควบคุม
เป็นการควบคุมและตรวจสอบเพื่อให้การดำเนินงานเป็นไปได้อย่างมีประสิทธิภาพและได้ผลลัพธ์อย่างมีคุณภาพ
Output : ผลลัพธ์
เป็นผลผลิตที่ได้ออกมาภายหลังจากการดำเนินงานใจขั้นของกระบวนการสิ้นสุดลง รวมถึงการประเมินด้วย
Feedback : ข้อมูลป้อนกลับ
เป็นการนำเอาผลลัพธ์ที่ประเมินนั้นมาพิจารณา ว่ามีข้อบกพร่องอะไรบ้าง เพื่อจะได้ทำการปรับปรุงแก้ไขให้สามารถทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ
วิธีระบบ (Systems approach)เป็นการวางแผนระบบใหม่หรือพัฒนาระบบให้ดีขึ้นหลังการวิเคราะห์ระบบแล้วโดยกำหนดขั้นตอนที่เหมาะสม จัดวางปรัชญา ปณิธาน จุดมุ่งหมาย องค์ประกอบ ภารกิจ ปฏิสัมพันธ์ ปัจจัยเกื้อหนุน และการประเมินเพื่อประสิทธิภาพของงาน
กระบวนการแก้ปัญหาด้วยวิธีระบบ
1. กำหนดปัญหา
2. กำหนดขอบข่ายของปัญหา
3. วิเคราะห์ปัญหา
4. กำหนดแนวทางแก้ปัญหา
5. การเลือกแนวทางแก้ปัญหา
6. วางแผนเตรียมการแก้ปัญหา
7. นำไปทดลองกับกลุ่มย่อย
8. ควบคุมตรวจสอบเพื่อปรับปรุงแก้ไข
ADDIE Model
A Anglye วิเคราะห์
D Design ออกแบบ
D development การพัฒนา
I Implemetation การนำไปใช้
E Evaluation การประเมินและปรับปรุง
องค์ประกอบของการสื่อสาร
SMCREF
S source ผู้ส่งสาร
M Message สาร
C Media or Channel สื่อหรือช่องทาง
R Receiver ผู้รับ
E Effect ผล
F Feedback ผลย้อนกลับ
Blog คือการบันทึกบทความของตนเอง (Personal Journal) ลงบนเว็บไซต์ โดยเนื้อหาของ blog นั้นจะครอบคลุมได้ทุกเรื่อง ไม่ว่าจะเป็นเรื่องราวส่วนตัว หรือเป็นบทความเฉพาะด้านต่าง ๆ เช่น เรื่องการเมือง เรื่องกล้องถ่ายรูป เรื่องกีฬา เรื่องธุรกิจ เป็นต้น โดยจุดเด่นที่ทำให้บล็อกเป็นที่นิยมก็คือ ผู้เขียนบล็อก จะมีการแสดงความคิดเห็นของตนเอง ใส่ลงไปในบทความนั้น ๆ โดยบล็อกบางแห่ง จะมีอิทธิพลในการโน้มน้าวจิตใจผู้อ่านสูงมาก แต่ในขณะเดียวกัน บางบล็อกก็จะเขียนขึ้นมาเพื่อให้อ่านกันในกลุ่มเฉพาะ เช่นกลุ่มเพื่อน ๆ หรือครอบครัวตนเอง
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น